จงมองไปข้างหน้าเพื่อก่อความหวัง
จงมองไปหลังเพื่อแก้ไขความผิด
ถ้าคนไม่มีหวังก็เหมือนคนสิ้นคิด
ถ้าไม่มีความผิดก็เหมือนไม่ใช่คน

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย

แหล่งท่องเที่ยว

 



ขอบอกว่าที่นี่สวยมากๆ ค่ะ ถ้าใครไปเที่ยวเกาะสมุยแล้วก็อน่าพลาดไปเที่ยวที่หมู่เกาะอ่างทองนะคะ ขอบอกอีกทีว่างามมากเลย





จุดชมวิวเกาะวัวตาหลับ

 


ยกขบวนขึ้นไปเก็บภาพ ณ จุดชมวิวกันมาแล้ว ก็ลงมาขโมยแคนนูของทัวร์เค้ามาเล่น เฮ้อ... เหนื่อยจริงจริ๊งงงง แต่ก็มันดีค่ะ คุ้มค่าแก่การเดินทาง แนะนำๆ หมู่เกาะอ่างทอง ยะฮู้ (คนเยอะกว่าวิวก็ขออภัย ทำไงได้ก็รูปมันได้ feel นี่คะ)...

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง

เป็นหมู่เกาะในอ่าวไทย ในท้องที่ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมเป็นพื้นที่หวงห้ามของ กองทัพเรือ ต่อมากรมป่าไม้ได้ไปดำเนินการสำรวจและประสานงานขอใช้พื้นที่จากกระทรวงกลาโหม เพื่อดำเนินการจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 97 ตอนที่ 174 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2523 ครอบคลุมพื้นที่ 102 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 21 ของประเทศไทย

สภาพทั่วไป

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ประกอบด้วยเกาะต่างๆ 42 เกาะ ได้แก่ เกาะพะลวย เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะหินดับ เกาะนายพุด และเกาะท้ายเพลา ฯลฯ สภาพของเกาะส่วนมากเป็นเขาหินปูนสูงชัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึงจุดสูงสุดประมาณ 396 เมตร วางเรียงตัวในแนวเหนือ-ใต้ เป็นพื้นน้ำประมาณ 84 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 82 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด



ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล


หมู่เกาะอ่างทองเป็นอุทยานแห่งชาติซึ่งตั้งอยู่ในเขตน้ำตื้นใกล้ฝั่งมีความลึกเฉลี่ยของน้ำประมาณ 10 เมตร และได้รับอิทธิพลของตะกอน จากแม่น้ำตาปีสูง ทำให้น้ำทะเลบริเวณนี้ขุ่นอีกทั้งลักษณะชายฝั่งโดยทั่วไปของหมู่เกาะอ่างทอง มีความชันสูงทำให้แนวปะการังบริเวณนี้ก่อตัว เป็นเพียงแนวแคบๆ ใกล้ชายฝั่ง และจากการที่ตะกอนเป็นปัจจัยจำกัดต่อการอยู่รอดของปะการัง ทำให้พบปะการังพวกที่มีโพลิปยาวเป็น กลุ่มเด่น ได้แก่ ปะการังโขด และปะการังดอกไม้ทะเล ขณะที่ปะการังพวกปะการังเขากวางมีอยู่น้อย



นอกจากนี้ยังมีพวกฟองน้ำและปะการังอ่อนมาก กลุ่มสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ได้แก่ ปลาผีเสื้อลายแปดเส้น ปลาสินสมุทร ปลานกแก้ว ปลากระเบนทอง ปลาฉลามหูดำ ปลาเก๋า หอยเม่นลายเสือ บริเวณด้านในของแนวปะการัง ซึ่งการไหลเวียน ของน้ำไม่ดีพ อและได้รับอิทธิพลของการตกตะกอนมาก จะเป็นที่อาศัยของปลิงทะเล ปูม้า และสาหร่าย สีน้ำตาลกลุ่มสาหร่ายทุ่นและสาหร่ายจอก



บริเวณด้านข้างเกาะที่เป็นหินชันและมีความลึกมากจนแสงส่องลงไปได้น้อย ปะการังไม่สามารถเจริญเติบโตได้จะเป็นที่อยู่ของสัตว์กลุ่ม กัลปังหา แส้ทะเล หอยนางรม หอยมือเสือ หอยมือหมี ซึ่งยึดครอบครองพื้นที่อยู่ทั่วไป ถึงแม้ในบริเวณนี้จะมีความโปร่งใสของน้ำน้อยแต่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธาตุอาหาร แพลงค์ตอนพืชและสัตว์ ฉะนั้นในบริเวณนี้ จึงเต็มไปด้วยสัตว์น้ำที่หากินโดยการกรองสารอาหารจากน้ำทะเล ได้แก่ พวกกลุ่มหอยสองฝาชนิดต่างๆ ปะการังอ่อน หอยจอบ ฟองน้ำครก สาหร่ายคัน เพรียงหัวหอม เป็นต้น บริเวณอาณาเขตทะเล เป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำนานาชนิดที่สำคัญคือ ปลาทู ปลากะตัก และหมึกทะเล



พืชพรรณและสัตว์ป่า ลักษณะพรรณพืชตามธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง แบ่งตามลักษณะของสภาพป่า และถิ่นที่ขึ้นอยู่ได้แก่

(1) ป่าดงดิบแล้ง ครอบคลุมพื้นที่ของเกาะขนาดใหญ่ คือ เกาะวัวตาหลับ เกาะพะลวย เกาะสามเส้า ในบริเวณไหล่เขาและตามร่องลำธาร มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น พลอง จิกเขา รักเขา เชียด เต่าร้าง หวาย และกล้วยไม้นารีช่องอ่างทอง ฯลฯ

(2) ป่าชายหาด เป็นป่าโปร่งขึ้นบริเวณแคบๆ ตามชายหาดและเชิงเขาชายทะเลทั่วไปของเกาะต่างๆ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ หูกวาง โพทะเล กระทิง ปอทะเล ลำเจียก และพลับพลึง เป็นต้น

(3) ป่าเขาหินปูน พบในบริเวณเขาหินปูนที่มีชั้นดินน้อย พันธุ์ไม้ที่ขึ้นเป็นไม้ขนาดเล็ก เช่น จันทน์ผา สลัดได และยอป่า

(4) ป่าชายเลน พบอยู่น้อยมากบริเวณซอกหินที่มีหาดทรายหรือหาดเลนในวงรอบของทะเลในของเกาะแม่เกาะและทางทิศตะวันออก ของเกาะพะลวยในบางอ่าวที่เว้าเข้าไปในแผ่นดิน สภาพเป็นป่าชายเลนเกิดใหม่และมีขนาดเล็กพันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นโกงกางใบเล็ก (Rhizophora apiculata)



ด้วยสภาพที่เป็นเกาะขนาดเล็กกลางทะเล มีที่ราบและที่ลาดชันปานกลางน้อย ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเกาะที่เป็นเขาหินปูนสูงชัน จึงทำให้เป็นข้อจำกัดในเรื่องของการเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ขนาดใหญ่

สัตว์ที่พบเห็นโดยทั่วไป สามารถจำแนกออกได้เป็น

(1) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พบ 16 ชนิด ได้แก่ นากใหญ่หัวปลาดุก ค่างแว่นถิ่นใต้ ลิงแสม หมูป่า พญากระรอกดำ หนูเกาะ ค้างคาวแม่ไก่เกาะ โลมา และวาฬ เป็นต้น

(2) นก พบไม่น้อยกว่า 53 ชนิด ได้แก่ นกยางเขียว เหยี่ยวแดง นกออก นกเด้าดิน นกแอ่นกินรัง นกแก๊ก นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ และนกขุนทอง ฯลฯ

(3)สัตว์เลื้อยคลาน พบ 14 ชนิด ได้แก่ แย้ เหี้ย เต่าตนุ เต่ากระ งูเหลือม และงูจงอาง เป็นต้น

(4) สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก พบน้อยมากเพียง 5 ชนิด ได้แก่ คางคกบ้าน กบบัว กบนา กบหนอง และปาด



แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ


เกาะวัวตาหลับ เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาหมู่เกาะอ่างทอง เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ มีแหล่งน้ำจืดไหลซึมจากยอดเขามาตามอุโมงค์ภายในถ้ำ สำหรับใช้อุปโภคบริโภค และบริเวณด้านหน้าของที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีหาดทรายขาว สะอาดน้ำทะเลใส จนออกสีมรกตและร่มรื่นด้วยแมกไม้ จุดชมวิวบนยอดเขาในระดับความสูงจากน้ำทะเล 222 เมตร มองเห็นทัศนียภาพของหมู่เกาะ อ่างทอง ที่ทอดตัวเรียงรายเป็นแนวยาวด้วยรูปร่างลักษณะต่างๆ แปลกตาทางด้านทิศใต้ของหาดทรายด้านหน้าของเกาะมีถ้ำบัวโบก ที่มีหินงอก หินย้อย รูปร่างสวยงามดูคล้ายดอกบัวบาน

ทะเลใน ตั้งอยู่บนเกาะแม่เกาะซึ่งอยู่ห่างจากเกาะวัวตาหลับไปทางทิศเหนือ ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 15 นาที มีลักษณะเป็นทะเลสาบ ซึ่งเกิดอยู่ในแอ่งยุบขนาดใหญ่ของภุเขาหินปูน มีรูปเป็นวงรีล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน เนื้อที่ของทะเลในมีประมาณ 41 ไร่ โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลาง กว้าง 250 เมตร ยาว 350 เมตร น้ำลึกประมาณ 7 เมตร



เนื่องจากทะเลในมีทางเข้าออกของน้ำทะเลทางด้านทิศตะวันออก ทำให้ระดับน้ำของทะเลในเท่ากับระดับน้ำทะเลภายนอก แต่สีของน้ำทะเลใน แตกต่างจากทะเลภายนอก เพราะท้องน้ำตื้นและมีพื้นส่วนใหญ่เป็นทราย

เกาะสามเส้า ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเกาะแม่เกาะ เป็นแหล่งปะการังซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ ประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมธรรมชาติคือ สะพานหินธรรมชาติที่ยื่นโค้งออกไปในทะเล

เกาะท้ายเพลาและเกาะวัวกันตังมีหาดทรายขาวสะอาดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหามุมสงบในการพักผ่อน อยู่บริเวณด้านเหนือของหมู่เกาะอ่างทอง เกาะท้ายเพลาเป็นจุดที่มีปะการังน้ำตื้นที่สวยแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ

เกาะหินดับ เป็นเกาะที่มีหาดทรายที่สวยงามและยาวที่สุดในอุทยานแห่งชาติ



การเดินทาง

การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองสามารถเดินทางโดยเรือนำเที่ยว จากท่าเรือบ่อผุดหรือจากท่าเรือหน้าทอน อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ออกเดินทางทุกวันเวลา 08:00 น. ถึงหมู่เกาะอ่างทองเวลา 10:30 น. และกลับถึงท่าเรือ หน้าทอนหรือท่าเรือบ่อผุดประมาณ 17.00 น. ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางสู่เกาะสมุย สามารถเดินทางโดย



(1) เรือโดยสาร ซึ่งมีทั้งเรือเร็วออกจากท่าเรือท่าทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถึงท่าเรือหน้าทอน เกาะสมุย และเรือธรรมดา (เรือนอน) จากท่าเรือบ้านดอน สุราษฎร์ธานี



(2) ทางรถยนต์ สามารถนำรถยนต์ลงเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะสมุยที่ท่าเรือดอนสัก หรือโดยรถโดยสารกรุงเทพฯ-เกาะสมุย หรือสุราษฎร์ธานี-เกาะสมุย



(3) ทางเครื่องบิน โดยสารการบินของบริษัทบางกอกแอร์เวย์ จำกัด เที่ยวบินกรุงเทพฯ-เกาะสมุย

ทะเลแหวก จ.กระบี่ นับเป็นที่เที่ยวยอดฮิตอีกที่หนึ่ง ในช่วงปีนี้เลยนะครับ เพราะตั้งแต่มีการโฆษณา สถานที่ท่องเที่ยว unseen ผู้คนก็เลยตั้งหน้าตั้งตากันมาชมทะเลแหวกนี้กันใหญ่ อันที่จริงแล้ว ทะเลแหวกนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ หรือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่มากสักเท่าไหร่ เพราะ ทะเลแหวกนี้ จะเกิดขึ้นบริเวณ เกาะด้ามหอก ด้ามขวาน เกาะทับ เกาะหม้อ ซึ่งจะเป็นเกาะที่อยุ่ใกล้ๆกัน และมีสันดอนทรายเชื่อมเข้าหา หรือภาษาชาวบ้านเดิมนั้น เค้าเรียกกันว่า หาด สามเส้า แต่ในเมื่อผม มีโอกาศได้ไปแวะทักทายทะเลกระบี่แล้ว ก็อดที่จะไปชมทะเลแหวกไม่ได้

ผมนั่งเรือหางยาวเล็กบริเวณหน้าอ่าว พระนาง โดยก่อนที่จะมาทะเลแหวกนี้ ก็ได้ไปเที่ยวดำน้ำบริเวณ ทะเลกระบี่ จนจุใจก่อนจะมาพักกายพักปอดกันที่บริเวณหาดสามเส้า เพื่อรอน้ำลด แล้วชมทะเลแหวก แต่กว่าจะมาชมได้นี่สิครับ บอกคนเรือว่าไปทะเลแหวก เค้าไม่รู้จัก กว่าจะสื่อสารกันได้พูดกันอยู่นาน เพราะผมทราบมาว่า ทะเลแหวกนี่จะอยู่บริเวณเกาะไก่ ซึ่งจะมีแท่งหินคล้ายหัวไก่อยู่หน้าเกาะ แต่ชาวบ้าน เค้าไม่รู้จักสิครับ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเค้าก็เรียกเกาะด้ามหอกด้ามขวาน เลยงงไปกันใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเราทำการโปรโมทให้คนไปเที่ยวได้สำเร็จ แต่เรายังเข้าถึงเจ้าบ้านไม่เพียงพอ เลยทำให้ นักท่องเที่ยวสื่อสารกับชาวบ้านลำบาก

ทะเลแหวกนี้จะเกิดน้ำขึ้นน้ำลง จนปรากฏเป็นสันดอนทราย เชื่อมสามเกาะเข้าไว้ด้วยกัน ปรากฏการณ์นี้ จะเกิดขึ้น ทุกๆก่อนหรือหลัง วันขึ้น15 ของทุกเดือนท่านใดจะเดินทางไปชมต้องทราบตรงจุดนี้ด้วย นะครับไม่เช่นนั้น ท่านอาจพลาดโอกาศที่จะชมทะเลแหวกได้ ผมมาถึงที่นี่ประมาณ เที่ยงตรง แดดจัดดีมาก เพราะผมถือว่ามาเที่ยวทะเลต้องได้สัมผัสไอแดดจัดๆ และลมแรงๆ ซึ่งนับว่า เยี่ยมมากครับ ที่นี่ทั้งแดด ทั้งลมตรงตามที่ใฝ่ฝันเลยครับ พักผ่อนกันสักหน่อย ก็เป็นเวลาบ่ายพอดี ถึงตอนนี้น้ำก็ลงมากแล้ว จะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเดินเล่นอยู่ตามบริเวณสันดอนเป็นจำนวนมาก อดใจไม่ได้แล้วผมต้องไปเล่นกับเค้าบ้างครับ ไปหละครับ